12/8/60

สรุป App ที่ได้ศึกษาระหวังสมัครเล วันที่ 12-13 สิงหาคม 60


  • สมัครเมลล์    ทั้งhotmail และ  gmail
  • สมัคร feabook ทดสอบการโพส การเพิ่มเพื่อน สร้างกลุ่ม
  •  สมัคร instargram ทดสอบการโพส การติดตามเพื่อน
  • สมัครTwirry
  • สมัครสกาว
  • สมัครวีแชท  ทดสอบการลงทะเบียน การยิงคิาอาโคส
  • สร้างblongger ของแต่ละท่าน

ประวัติวันวิทยาศาสตร์

วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตรงกับวันที่วันที่  ของทุกปี เป็นหนึ่งในวันสำคัญของคนไทย เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทอดพระเนตรสุริยุปราาคาเต็มดวง ที่คำนวณไว้ล่วงหน้า 2 ปี อย่างแม่นยำ รัฐบาลไทยจึงกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติไทย พร้อมเทิดพระเกียรติให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
วันวิทยาศาสตร์ได้เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดย มติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอันเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" เพราะทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ
ภาพถ่ายขณะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอภาพถ่ายขณะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอ
(ภาพถ่ายขณะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอ เมื่อปี พ.ศ. 2411)

งานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

วันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปี ได้มีการจัดงานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน เป็นหน่วยงานหลักในการจัดร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทั้งภาครัฐและเอกชน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 งานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้รับการขยายให้เป็นงานใหญ่ขึ้น เป็นงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยจะมีการจัดงานในระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม
อ่านเพิ่มเติม: นักวิทยาศาสตร์หญิงเก่งที่สุดในโลก

พระราชกรณียกิจทางด้านดาราศาสตร์ของรัชกาลที่ 8
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้สร้างหอดูดาวบนเขาวัง ในจังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๐๓ พระราชทานนามว่า "หอชัชวาลเวียงชัย" ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้เคยทอดพระเนตรดาวหาง 3 ดวงคือ
ดาวหางฟลูเกอร์กูส (Flaugerguess Comet) เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่และมีหาง 2 หาง ปรากฏในรัชสมัย พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อ พ.ศ. 2355 ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกฏมีพระชันษาราว 8 ปี เมื่อทรงเห็นแล้ว คงจะทรงติดตามศึกษาเรื่องดาวหางอยู่เสมอ เพราะว่าก่อนดวงที่ 2 จะมาปรากฏ พระองค์สามารถทรงนิพนธ์ประกาศฉบับแรกชื่อว่า " ประกาศดาวหางขึ้นอย่าได้วิตก" แจ้งแก่ประชาชน"
ดาวหางโดนาติ ( Donati a Comet)เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่มาก นักดาราศาสตร์อิตาเลียนค้นพบในคืนวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ 2401 และคืนต่อๆมา จนถึงวันที่ 4มีนาคม พ.ศ. 2402 (รวมเวลา ๙ เดือน) ชาวไทยคงจะเห็นด้วยตาเปล่า ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2401 ดาวหางดังกล่าวมีลักษณะเป็น 2 หาง หางหนึ่งเหยียดตรง อีกหางหนึ่งเป็นพู่โค้งสวยงามอยู่ราว 2 เดือน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเกรงว่า เมื่อประชาชนเห็นดาวหางโดนาติ แล้วจะตื่นเต้นไปตามคำลือต่างๆ จึงทรงออกประกาศเตือนชื่อว่า "ประกาศดาวหางขึ้นอย่าได้วิตก" นับเป็นประกาศทางวิทยาศาสตร์ฉบับแรกของประเทศ มีความว่า "ดาวหางนี้ชาวยุโรปได้เห็นมาแล้วหลายเดือน ดาวหางนี้มีคติแลทางยาวไปในท้องฟ้า แล้วก็กลับมาได้เห็นในประเทศทั้งนี้อีก เพราะเหตุนี้อย่าให้ราษฎรทั้งปวงตื่นกัน และคิดวิตกเล่าลือไปต่างๆ ด้วยว่ามิใช่จะเห็นแต่ในพระนครนี้ และเมืองที่ใกล้เคียงเท่านั้นหามิ ได้ย่อมได้เห็นทุกบ้านทุกเมืองทั่วพิภพอย่างนี้แล"
ดาวหางเทพบุท (Tebbut s Comet )เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่ หางยาว และสว่างกว่าดาวหางโดนาติ ปรากฏแก่สายตาชาวโลก ระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม พ.ศ. 2404 เป็นดาวที่พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยมากยิ่งขึ้น ถึงกับทรงได้คำนวณไว้ล่วงหน้าว่า จะปรากฏเมื่อใด และได้ทรงออกประกาศไว้ล่วงหน้า มิให้ประชาชนตื่นตระหนก ทั้งนี้เพราะพระองค์ มีพระราชประสงค์มุ่งขจัดความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องโชคลาง และทรงให้ราษฎรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ (ถ้าจะเกิด) อย่างมีเหตุผลตามแบบวิทยาศาสตร์

วัตถุประสงค์ของการจัดงานวันสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

  • เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและพระปรีชาสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันเป็น"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"
  • เพื่อเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ
  • เพื่อสนับสนุนให้กำลังใจและโอกาสแก่นักวิจัย นักประดิษฐ์ ได้แสดงผลงานต่อสาธารณชน
  • เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าภาครัฐและเอกชนในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นวิถีทางหนึ่งของการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้มีการจัดกิจกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมาย เช่น นิทรรศการ ผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอภิปรายทางวิชาการ การตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ การประกวดการแข่งขันต่าง ๆ เช่น โครงการทางวิทยาศาสตร์และสื่อการสอนวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

ในการจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้มีการมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ดี เด่นในสาขาวิชาต่าง ๆ โดยจะทำพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติในวันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปี

การจัดงานสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ นับได้ว่ามีส่วนที่จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนคนไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศให้ เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 

          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2532 : พิทักษ์สิ่งแวดล้อมของชาติ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2533 : เพิ่มคุณค่าทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2534 : ขจัดมลพิษทุกชีวิตจะปลอดภัย
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2536 : วิทยาศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจ เพิ่มคุณค่าชีวิต พิทักษ์สิ่งแวดล้อม
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2537 : ขจัดปัญหาน้ำของชาติ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2538 : เทคโนโลยีสารสนเทศก้าวไกล เศรษฐกิจไทยมั่นคง
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2539 : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาชาติไทยให้ก้าวหน้า
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2540 : พัฒนาคน พัฒนาชาติ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2541 : พัฒนาเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์ พัฒนาชาติด้วยภูมิปัญญาไทย
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2542 : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวไกล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตไทยที่ยั่งยืน
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2543 : พัฒนาคน พัฒนาชาติ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2544 : วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทย
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2545 : วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทย
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2546 : เส้นทางแห่งการค้นพบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คุณค่าแห่งภูมิปัญญา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2547 : เศรษฐกิจของชาติมีปัญหา วิทยาศาสตร์มีคำตอบ
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2548 : วิทยาศาสตร์คือความรู้สู่ความสำเร็จ
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2549 : เศรษฐกิจพอเพียง เคียงคู่ไทย ก้าวไกลด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2550 : วิทยาศาสตร์สร้างปัญญาในสังคม
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2551 : วิทยาศาสตร์สร้างชาติ สร้างอนาคต
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2552 : วิทยาศาสตร์ก้าวไกล นำไทยก้าวหน้า
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2553 : จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2554 : จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2555 : จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2556 : ทันโลก ทันวิทย์ จุดประกายความคิดสู่อาเซียน
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2557 :  จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2558 :  จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2559 :  จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม
          - คำขวัญวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2560 :  ---- รออัพเดท ----
แหล่งอ้างอิง : หนังสือ วันสำคัญของไทย โดย ธนากิต, หนังสือ ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก โดย วรนุช อุษณกร, คลังปัญญาไทย, วิกิพีเดีย
ติดตาม Sanook! Campus 

4/4/54

ชีวิตของคนๆหนึ่ง

ฉันเกิดมาท่ามกลางครอบครัวทั้งสองที่ไม่มีความพอใจกัน   อีกฝ่ายได้แต่ยอมรับการกระทำ   อีกฝ่ายไม่เคยลดละการกระทำของตน  เรื่องราวรอบๆตัวของฉันที่เกิดขึ้นมันฝั่งลึกลงในจิตใจ    ทุกอย่างรับรู้มาโดยตลอด   เรื่องราวมันยิ่งกว่าละครทำให้ทราบในอีกเรื่องคือ  การทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว   ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั่น   ตามที่ได้เห็นในปัจจุบัน

3/2/53

ตำนาน ดอกกุหลาบ


ตำนาน ดอกกุหลาบ

• กุหลาบ เป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่า กุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70
ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้
มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้

• เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย
ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น
คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย

• แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า
ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ
แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้
ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย

• ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว
5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน
ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว
ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย

ดวงดาวแห่งรัก


บนท้องฟ้าที่เวิ้งว้างกว้างไกล มีดวงดาวหลายล้านดวงผลักเปลี่ยนหมุนเวียนส่งแสงนำทางตามแต่ฤดูกาลและการหมุนรอบตัวเองของโลก ดาวแต่ละดวงล้วนมีความหมายสมมติที่มนุษย์ตั้งขึ้น

ดาวศุกร์ คือ ดาวที่ชาวโลกเชื่อวาเป็น ดาวแห่งความรัก ชื่อละตินของดาวศุกร์ (Venus)มาจากเทพีแห่งความรักของโรมัน นั่นเป็นดาวเคราะห์ที่มีความสว่างมากที่สุดบนฟากฟ้าดุจอัญมณี โดยดาวศุกร์เป็นวัตถุท้องฟ้าที่สว่างที่สุดเป็นลำดับที่ 3รองจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เนื่องจากดาวศุกร์มีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก

คนโบราณเชื่อว่า เทพีวีนัส อาศัยอยู่บนดาวศุกร์กับคนของเธอ ทว่า ในความเป็นจริง ดาวศุกร์เป็นหนึ่งในสองดาวที่ไม่มีบริวารหรือดวงจันทร์รายล้อม(อีกดวงคือดาวพุธ)เธอจึงเหมือนโดดเดี่ยวอยู่กลางห้วงอวกาศ

ดาวศุกร์จะมองเห็นได้เฉพาะในเวลาเช้ามืดหรือหัวค่ำเท่านั้น ขณะปรากฏในท้องฟ้าเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันตก เรียกว่า ดาวประจำเมือง และเมื่อปรากฏในท้องฟ้าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออก เรียกว่า ดาวประกายพรึก หรือ ดาวรุ่ง

ชาวเรือมักคุ้นเคยกับดาวศุกร์เป็นอย่างดี เพราะในการออกทะเลการใช้ดวงดาวหาทิศก็เป็นสิ่งจำเป็น การที่ดาวศุกร์ส่งแสงโดดเด่นอยู่ในที่ประจำทุกคํ่าคืน ชาวเรือจึงมองหาดาวศุกร์ก่อนเป็นดวงแรก จากนั้นก็ค่อยหาทิศเพื่อเดินเรือในยามรัตติกาลต่อไป

หากเทียบขนาดดาวในระบบสุริยะ ดาวศุกร์ มีขนาดใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด รวมทั้งความคล้ายกันหลายอย่าง ทั้ง มวล ความหนาแน่นและปริมาตร จนได้ชื่อว่าเป็น น้องสาวฝาแฝด ของโลก

ในทางโหราศาสตร์ มีความหมายถึง ความรัก ความสงบสุข ความสดชื่น จินตนาการ สันติภาพ ศิลปะ ความสนุกสนาน รสนิยม การประนีประนอม การช่วยเหลือ หมอดูทั้งหลายใช้ดาวศุกร์นี่แหละในการทำนายเรื่องความรักและชีวิตสมรส

สำหรับปรากฏการณ์พระจันทร์ยิ้มที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ดวงตาของใบหน้าเปื้อนยิ้มบนท้องฟ้าข้างหนึ่งก็คือ ดาวศุกร์ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นหน้าที่ของดาวแห่งความรัก

ขอดาวศุกร์จงอยู่กับคุณ

วันแห่งความรัก
เอ็มนินโญ

Ads by Google
ดูดวงเลขท้ายบัตรประชาชน
ดูดวงง่ายด้วยเลขท้ายบัตรประชาชน บอกคุณได้ทั้งการงาน การเงิน ความรัก
www.horoclubs.com/horoidcard




0 Responses to “ดาวแห่งรัก”

ราศรีธนู

ความรัก ราศีธนู
ชาวราศีธนูเป็นนักแสวงหาความรู้และชอบที่จะทำความเข้าใจกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวตลอดเวลา และชาวธนูเป็นคนที่มีความคิดและประสพการณ์มาก เป็นคนจริงใจ ไว้ใจได้ชาวราศีธนูถ้าคบใครก็จะคบอย่างลึกซึ้ง ใช้เวลาในการศึกษานิสัยใจคออยู่นานจนกว่าเขาจะไว้เนื้อเชื่อใจ นอกจากนี้ชาวธนูยังเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี เป็นคนที่ชอบพบปะผู้คน ชอบความอิสระเสรี ชอบความท้าทาย นั่นแหละ…ชาวราศีธนูล่ะ

ความโรแมนติกแบบราศีธนู
ในเรื่องของความรัก ความโรแมนติกของชาวธนูนั้นจะเป็นไปแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม เป็นไปตามธรรมชาติและขึ้นอยู่กับโอกาสความเหมาะสมของมัน ชาวธนูเป็นคนที่รักอิสระเสรี เขาจะไม่พะเน้าพะนอคนรักของเขาตลอดทั้งวัน แต่จะปล่อยให้เป็นอิสระ ใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งก็ดูเป็นเรื่องที่ดีแต่บางครั้งก็อาจดูเหมือนเหินห่างกันเกินไป และเป็นสาเหตุของการนอกใจได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชาวราศีธนูมักจะกลายเป็นแค่เพื่อนสนิทที่ดีที่สุดแทนที่จะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น

ความรักของราศีธนู
ชาวราศีธนูเป็นคนโอบอ้อมอารีและมีน้ำใจต่อเพื่อนและคนรอบข้าง ชาวธนูเป็นคนที่ไม่ชอบทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและไม่ชอบรบกวนผู้อื่น ตรงกันข้ามเขามักจะชอบช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า ชาวธนูเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง เป็นคนที่น่าคบ ถ้าคุณอยากให้เขาดีกับคุณเช่นใด ก็จงทำดีกับเขาเช่นนั้น

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีธนู
แม้ความรักจะเป็นสิ่งที่ดีและสวยหรูสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับชาวธนูแล้ว ความรักเป็นสิ่งที่ต้องคอยระวังให้ดี ความรักคือสิ่งที่ลึกลับและยากจะเข้าใจ เพราะชาวธนูไม่ใช่คนที่หวานแหววอะไรมากมายกับเรื่องความรัก เขามองว่าความรักก็เป็นเพียงเรื่องของอารมณ์ที่สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องบนเตียง ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกล้าคบหากับใครบ่อยนัก เพราะเขาเบื่อและไม่ค่อยชอบการเกี้ยวพาราสีมากนัก ความรักของชาวธนูจึงควรจะเริ่มต้นด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อนก่อน แล้วจึงค่อยๆเรียนรู้ทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆอันเป็นพื้นฐานของความรักที่ดีต่อไป

SEX กับราศีธนู
ชาวธนูเป็นคนธาตุไฟ มีความเร่าร้อนอยู่ในตัว ถ้าไม่พูดถึงเรื่องความรักที่ลึกซึ้งแล้ว ชาวธนูก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Sex อยู่มากพอดู เขาไม่อายในเรื่องนี้ถ้าไม่จริงจังและมีเงื่อนไขกับมันมากนัก เขาพร้อมเสมอ ชาวธนูชอบการพบปะสังสรรค์กับผู้คน เขาเป็นคนที่บริหารเสน่ห์ได้ดี และสำหรับคนรักของเขาจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง Sex ด้วยเพื่อที่ว่าทั้งเขาและคุณจะไปด้วยกันได้ดี แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีธนูต้องการ ชาวธนูต้องการเพื่อนที่รู้ใจที่พร้อมจะไปกับเขาได้ทุกสถานการณ์ และไม่ทำให้เขาหนักใจหรือมีเรื่องเดือดร้อนถึงตัวเขา สำหรับคนรักของชาวธนูจะต้องเข้าใจและยอมรับในนิสัยที่รักอิสระเสรีของเขา ต้องไม่เป็นคนคิดมากหรืออ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ เขาชอบคนที่ซื่อสัตย์ เปิดเผย หากคุณเป็นอย่างที่เขาต้องการหรือมีนิสัยที่คล้ายกัน คุณก็จะเป็นทั้งเพื่อนและคนรักของเขาด้วยในเวลาเดียวกัน

ไก่แจ้

ไก่แจ้เป็นไก่พื้นเมือง สืบทอดสายพันธ์มาจากไก่ป่าเช่นเดียวกับไก่ประเภทอื่นๆ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเมืองไทยก็พบไก่แจ้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ถือว่าเป็นไก่พื้นเมืองของประเทศไทยสายพันธุ์หนึ่ง ในแถบยุโรปและอเมริกาจะเรียกไก่แจ้ว่า "แจแปนนีสแบนตั้ม" (Japannese Bantams)เพื่อเป็นการให้เกียรติกับชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์ไก่แจ้ขึ้นมาทั้งๆที่ไก่แจ้แท้จริงแล้วไม่ใช่ไก่พื้นเมืองของญี่ปุ่น มีหลักฐานกล่าวว่าแรกเริ่มชาวญี่ปุ่นได้นำไก่แจ้มาจากจีนตอนใต้เมื่อพ.ศ.2149 - 2179 จากนั้นได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จนได้รูปทรงและสีสันที่สวยงาม ในเวลาต่อมาญี่ปุ่นได้นำไก่แจ้ จากแถบคาบสมุทรอินโดจีนไปผสมเพิ่มเติมอีก ซึ่งใช้เวลาในการคัดพันธุ์นับร้อยปี จนกระทั่งประมาณห้าสิบปีเศษมานี้เองไก่แจ้ญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน ในแถบยุโรปที่มีการนิยมเลี้ยงไก่แจ้ก็เพราะว่า เมื่อสมัยโบราณชนชาติจีนมีการติดต่อซื้อขายกับชาวอังกฤษ ซึ่งชาวจีนได้นำไก่แจ้ติดเรือสำเภาไปด้วย เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงแก้เหงาในเรือ เมื่อพ่อค้าชาวอังกฤษเห็นเข้า ก็เกิดความสนใจและได้นำไปเลี้ยงยังประเทศอังกฤษ ในตอนแรกก็มีการเลี้ยงกันเฉพาะพ่อค้าและชาวบ้าน ต่อมาพระนางวิคตอเรียเห็นเข้าและพอพระทัยจึงมีการนำเข้าไปเลี้ยงในพระราชวังเป็นครั้งแรก สำหรับในเมืองไทยมีการเลี้ยงไก่แจ้มาตั้งแต่อดีตกาลแล้ว แต่ไม่ได้สนใจในการปรับปรุง หรือคัดสายพันธุ์เลย จนกระทั่งเมื่อประมาณ20-30ปีที่ผ่านมามีผู้ให้ความสนใจอย่างจริงจัง ในการพัฒนาเพื่อให้ไก่แจ้ไทยมีลักษณะดีและสวยงามตามแบบมาตรฐานสากล จึงได้มีการสั่งซื้อไก่แจ้ สายพันธุ์ที่ดีจากญี่ปุ่นเข้ามาผสมกับสายพันธุ์ดั้งเดิมของไทย จากการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันไก่แจ้ไทยกลายเป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศมากขึ้น.